Tips and Tricks
ความแตกต่างของ สาย UTP CAT5E / CAT6 / CAT6A
20/09/2024
ความแตกต่างของ สาย UTP CAT5E / CAT6 / CAT6A
สาย UTP แต่ละประเภทเหมาะกับการใช้งานแบบใดบ้าง
ในโลกของเครือข่ายและการสื่อสารข้อมูล สาย UTP (Unshielded Twisted Pair) เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการเชื่อมต่ออุปกรณ์ และส่งข้อมูลอย่างรวดเร็ว สาย UTP ซึ่งย่อมาจาก Unshielded Twisted Pair นี้ ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการส่งข้อมูลระยะไกล และถูกใช้ในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั่วโลก โดยสาย UTP ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการใช้งานที่มีความต้องการสูงขึ้น หนึ่งในสายที่ได้รับความนิยมและใช้กันอย่างแพร่หลายคือสาย CAT5e, CAT6, และ CAT6A ซึ่งทั้งสามรุ่นนี้มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง? บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักและเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละสาย แต่ก่อนจะไปถึงการเปรียบเทียบ เราแนะนำให้รู้จักสาย UTP กันก่อนว่าคือสายอะไร
สาย UTP คืออะไร?
สาย UTP (Unshielded Twisted Pair) เป็นสายสัญญาณที่ไม่มีการหุ้มฉนวนแบบป้องกันสัญญาณรบกวนโดยตรง สายประเภทนี้ประกอบด้วยคู่สายทองแดงที่ถูกพันกันเป็นเกลียว (Twisted Pair) การพันเกลียวนี้ช่วยลดสัญญาณรบกวนที่อาจเกิดขึ้นระหว่างสายใกล้เคียง ซึ่งเป็นเทคนิคสำคัญที่ทำให้การส่งข้อมูลผ่านสายมีความเสถียร
สาย UTP ประกอบด้วยเส้นลวดทองแดงที่พันเกลียวเป็นคู่ ๆ โดยปกติจะมี 4 คู่ภายในหนึ่งสาย การพันเกลียวนี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดสัญญาณรบกวนระหว่างคู่สายที่อยู่ใกล้กัน รวมถึงสัญญาณรบกวนจากภายนอก (external interference) สาย UTP ไม่มีการหุ้มป้องกันสัญญาณภายนอกเป็นชั้นพิเศษ ซึ่งเป็นความแตกต่างหลักจากสาย STP (Shielded Twisted Pair) ที่มีการหุ้มป้องกันสัญญาณรบกวนเพิ่มเติม
ประเภทของสาย UTP
สาย UTP ถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามมาตรฐาน เช่น CAT5e, CAT6, CAT6A ซึ่งประเภทของสายจะแตกต่างกันไปตามความเร็วในการส่งข้อมูล ความถี่ที่รองรับ และระยะทางในการใช้งาน ซึ่งในปัจจุบัน CAT5e และ CAT6 เป็นประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในระบบเครือข่ายทั่วไป
CAT5e: รองรับความเร็วสูงสุด 1 Gbps
CAT6: รองรับความเร็วสูงสุด 10 Gbps (ที่ระยะ 55 เมตร)
CAT6A: รองรับความเร็วสูงสุด 10 Gbps (ที่ระยะ 100 เมตร)
ข้อดีของสาย UTP
ราคาประหยัด: สาย UTP เป็นสายที่มีต้นทุนต่ำเมื่อเทียบกับสายชนิดอื่น เช่น สายไฟเบอร์ออปติกหรือสาย STP ซึ่งทำให้สาย UTP เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเครือข่ายภายในบ้านและสำนักงาน
ติดตั้งง่าย: ด้วยการออกแบบที่ไม่ซับซ้อน ทำให้สาย UTP สามารถติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้เทคนิคการติดตั้งที่ซับซ้อน
เหมาะกับการใช้งานทั่วไป: สาย UTP สามารถรองรับการใช้งานในเครือข่ายทั่วไป เช่น การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ในสำนักงาน การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในบ้าน เป็นต้น
ข้อเสียของสาย UTP
ความไวต่อสัญญาณรบกวน: เนื่องจากสาย UTP ไม่มีการหุ้มป้องกันสัญญาณรบกวน ทำให้มีความไวต่อสัญญาณรบกวนจากภายนอกมากกว่าสาย STP
ระยะทางที่จำกัด: แม้ว่าสาย UTP จะรองรับการส่งข้อมูลระยะไกล แต่ถ้าต้องการส่งข้อมูลที่มีความเร็วสูง ระยะทางการใช้งานจะถูกจำกัดลง
การใช้งานของสาย UTP
สาย UTP นิยมใช้ในหลาย ๆ ด้าน เช่น ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ การเดินสายกล้องวงจรปิด และระบบอื่น ๆ ที่ต้องการการเชื่อมต่อข้อมูลแบบใช้สาย โดยเฉพาะในระบบ LAN (Local Area Network) ที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในพื้นที่เดียวกัน
สาย UTP แบ่งออกตามลักษณะการติดตั้ง ได้เป็นดังนี้
สายแลนที่ใช้ภายนอกและภายในอาคาร
สายแลนที่ใช้ภายนอกและภายในอาคารนั้น เส้นลวดภายใน และการส่งความถี่อาจจะเหมือนกัน แต่แตกต่างกันตรงที่สายหุ้มฉนวนด้านนอก หากเป็นสายแลนที่จำเป็นจะต้องเดินนอกอาคารจะมีการหุ้มของฉนวนด้านนอกที่ค่อนข้างแข็งกว่ามากและยังหนากว่าที่ใช้ภายในอีกด้วย ส่วนใหญ่อาจจะเป็นสาย LAN ชนิดที่เรียกได้ว่าแข็งแรงกว่าสายแลนที่ใช้ภายในนั่นเองเพื่อให้ทนต่อสภาพอากาศภายนอก ซึ่งหากใช้สายแลนภายในไปเดินสายแลนภายนอกจะทำให้เกิดการขาดและการชำรุดได้ง่าย เพราะสายแลนภายในนั้นจะมีการหุ้มฉนวนที่ค่อนข้างอ่อน ทำให้ง่ายต่อการดัดงอหรือต้องเข้ามุมตามโต๊ะต่างๆนั่นเอง
สายแลนที่แบ่งตามลักษณะการหุ้มฉนวน
หากลองสังเกตดูดีๆ จะเห็นว่าสายแลนจะมีลักษณะการหุ้มฉนวนที่ต่างกัน มีตั้งแต่ที่เป็นสายแลนมีฉนวนอย่างเดียวแต่ไม่มีฟลอย หรือจะเป็นสาย LAN ที่มีฟลอยด้านนอก โดยส่วนมากที่มีฟลอยด้านนอกจะเป็นการหุ้มเพื่อป้องกันความร้อน หรือเป็นสาย LAN ที่มีฟลอยหุ้มทั้งหมด แต่ละประเภทนี้จะถูกใช้ในลักษณะเฉพาะ ไม่เหมือนที่มีแต่ฉนวนอย่างเดียว เพราะการมีแต่ฉนวนอย่างเดียวนั่นคือเป็นสายแลนที่ใช้ทั่วไปนั่นเอง
สายแลนที่แบ่งตามคุณภาพความถี่ที่รองรับ
สายแลนที่แบ่งตามคุณภาพความถี่ที่รองรับนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีมากสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะมีอยู่ 4 ประเภทโดยจะขอแบ่งเป็นหัวข้อเพื่อให้เข้าใจง่ายดังนี้
ประเภทที่ 1 จะเป็นสาย LAN ประเภท UTP Cat 5 ซึ่งจะเป็นสายแลนที่เป็นสายทองแดงมีความเร็วที่ต่ำความเร็วสูงสุดที่จะรองรับสำหรับสายแลนประเภทนี้จะอยู่ที่ 100 Mbps สายชนิดนี้จะไม่ค่อยเป็นที่นิยมใช้งานกันสักเท่าไหร่ เพราะมีการถ่ายโอนข้อมูลที่ค่อนข้างต่ำ
ประเภทที่ 2 สายแลนประเภท UTP cat5e เป็นสายแลนที่เป็นสายทองแดงเช่นกัน แต่ถึงแม้จะเป็นสายทองแดงที่มีความเร็วต่ำ แต่ความเร็วสูงสุดของประเภทนี้ก็จะอยู่ที่ 1 GPS เลยทีเดียว ซึ่งจะเหมาะกับการใช้งานที่หลากหลายขึ้นมาอีกนิดนึง อาจจะเป็นตามโรงเรียนที่จะต้องใช้อินเทอร์เน็ตในการทำหลายๆ อย่าง เช่น ทำการเรียนการสอนที่ต้องมีสื่อต่างๆ ผ่านอินเทอร์เน็ตเพื่อให้เด็กๆ ได้ชม
ประเภทที่ 3 เป็นประเภท UTP cat6 เป็นสายแลนเป็นทองแดงเช่นกัน ถึงจะเป็นสายแลนที่เป็นทองแดงที่มีความเร็วต่ำนั้นแต่ก็ยังมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 10 Tpbs แบนด์วิดธ์ th อยู่ที่ 250 เมกะเฮิรตซ์เลยทีเดียว
สำหรับประเภทที่ 4 ประเภทสุดท้าย จะเป็นสาย UTP Cat 7 เป็นสายทองแดงความเร็วต่ำที่มีความเร็วอยู่ที่ 10 GPS เช่นกันแต่ bandwidth th นั้นจะอยู่ที่ 600 เมกะเฮิรตซ์ต่างกับประเภทที่ 3 อยู่ค่อนข้างมากทีเดียว
สายแลนที่แบ่งตามการเข้าหัว
การเลือกใช้สายแลนจะต้องเลือกใช้ให้เหมาะด้วยและการเข้าหัวของสาย LAN ก็จะทำให้การเชื่อมต่อมีความเสถียรและควรเลือกสายแลนให้ตรงกับการใช้งานเพื่อที่จะได้การใช้งานที่คุ้มค่านั่นเอง
ความแตกต่างระหว่างสาย UTP CAT6, CAT5e, และ CAT6A
เมื่อเราได้รู้จักประเภทของสาย UTP หรือสานแลนกันไปแล้ว รวมถึงการติดตั้งควรเลือกใช้สายแลนแบบไหน ทีนี้ มาถึงเรื่องของความแตกต่างระหว่างสาย UTP CAT6, CAT5e, และ CAT6A ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
สาย UTP CAT5e
CAT5e หรือ Category 5 Enhanced เป็นรุ่นที่พัฒนาขึ้นจาก CAT5 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งข้อมูล CAT5e ถูกออกแบบมาให้รองรับการเชื่อมต่อด้วยความเร็วสูงถึง 1 Gbps (กิกะบิตต่อวินาที)
และรองรับการส่งข้อมูลได้ไกลสูงสุดถึง 100 เมตร มาตรฐานของ CAT5e เน้นเรื่องการลดสัญญาณรบกวน (crosstalk) ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของการส่งข้อมูลผ่านสาย คุณสมบัติที่สำคัญ
ความเร็วในการส่งข้อมูล: สูงสุด 1 Gbps
ความถี่: 100 MHz
ระยะทางในการส่งข้อมูล: สูงสุด 100 เมตร
การใช้งาน: เครือข่ายทั่วไปในบ้านและสำนักงาน
สาย UTP CAT6
CAT6 หรือ Category 6 เป็นสายที่ถูกพัฒนาขึ้นจาก CAT5e เพื่อตอบสนองความต้องการในการส่งข้อมูลที่มีความเร็วสูงขึ้น CAT6 รองรับการส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงถึง 10 Gbps (กิกะบิตต่อวินาที)
ที่ระยะไม่เกิน 55 เมตร นอกจากนี้ CAT6 ยังมีการปรับปรุงในเรื่องของการลดสัญญาณรบกวน และรองรับความถี่ที่สูงกว่า CAT5e คุณสมบัติที่สำคัญ
ความเร็วในการส่งข้อมูล: สูงสุด 10 Gbps (ที่ระยะไม่เกิน 55 เมตร)
ความถี่: 250 MHz
ระยะทางในการส่งข้อมูล: สูงสุด 100 เมตร (สำหรับความเร็ว 1 Gbps)
การใช้งาน: เครือข่ายความเร็วสูงในองค์กร, เซิร์ฟเวอร์ และการสตรีมมิ่งแบบความละเอียดสูง
สาย UTP CAT6A
CAT6A หรือ Category 6 Augmented เป็นสายที่ถูกพัฒนาต่อจาก CAT6 เพื่อรองรับการใช้งานที่ต้องการความเร็วและประสิทธิภาพสูงสุด CAT6A
สามารถรองรับการส่งข้อมูลที่ความเร็ว 10 Gbps ได้ที่ระยะสูงสุดถึง 100 เมตร ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบเหนือ CAT6 นอกจากนี้ CAT6A ยังมีความถี่สูงถึง 500 MHz ทำให้สามารถรองรับการส่งข้อมูลที่มีความซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น คุณสมบัติที่สำคัญ
ความเร็วในการส่งข้อมูล: สูงสุด 10 Gbps (ที่ระยะ 100 เมตร)
ความถี่: 500 MHz
ระยะทางในการส่งข้อมูล: สูงสุด 100 เมตร
การใช้งาน: เครือข่ายที่มีการใช้งานหนัก เช่น ศูนย์ข้อมูล, อุตสาหกรรมการสื่อสาร, และการใช้งานในระดับองค์กร
สาย UTP แต่ละประเภทถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน CAT5e เหมาะสำหรับการใช้งานเครือข่ายทั่วไปที่ไม่ต้องการความเร็วสูง ส่วน CAT6 เหมาะสำหรับการใช้งานในองค์กรที่มีการรับส่งข้อมูลอย่างเข้มข้น และ CAT6A เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเครือข่ายที่ต้องการความเร็วและความเสถียรสูงสุด ในการเลือกใช้งานจึงควรพิจารณาจากความต้องการและงบประมาณที่มี และหากคุณกำลังมองหา บริษัทนำเข้าและจัดจำหน่ายสายสัญญาณที่มีประสบการณ์ มาปรึกษากับเรา บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ด้วยประสบการณ์ในการทำงานมากว่า 35 ปี จนได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเรามีทีมวิศวกรที่แข็งแรงในการวางระบบต่างๆ และเรายังมีสินค้าและบริการอีกมากมาย อาทิ สาย CCTV สาย UTP สายไฟเบอร์ Solar Cable Network System ฯลฯ
สนใจสอบถามข้อมูลสินค้าและบริการ หรือขอคำปรึกษางานวางระบบสายสัญญาณ
ขอใบเสนอราคา ได้ตามช่องทางเหล่านี้ที่คุณสะดวก
Website : https://interlink.co.th/home/home Facebook: interlinkfan Line: @interlinkfan Tiktok: @interlink_official YouTube: link channel