เลือกสาย Control Cable อย่างไรให้เหมาะสมกับงานในโรงงานผลิต
06/02/2025
เลือกสาย Control Cable อย่างไรให้เหมาะสมกับงานในโรงงานผลิต
เพื่อให้การผลิตที่ไม่สะดุดควรเลือกใช้สาย Control Cable ให้เหมาะกับโรงงานอุตสาหกรรม
ยุคนี้เรื่องความเร็วเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเราต้องตามให้ทันโลกและเทรนด์ต่างๆ ระบบการสื่อสารที่ไร้พรมแดน หรือระบบการขนส่งที่ทุกวันนี้ สร้างความสะดวกสบายในการบินไปมาข้ามประเทศ รวมไปถึงระบบของสายงานการผลิตอย่างโรงงานอุตสาหกรรม เมื่อดีมานด์เพิ่มมากขึ้นกำลังการผลิตก็ต้องแข็งแรงขึ้น อุปกรณ์ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานและเลือกมาใช้ให้เหมาะกับงาน เป็นหลักสำคัญที่ทำให้กระบวนการผลิตลื่นไหลไม่มีสะดุด อุปกรณ์ที่ว่านั้นก็คือ Control Cable ในบทความนี้ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด จะมาแนะนำวิธีการเลือกใช้สาย Control Cable อย่างไรให้เหมาะกับโรงงาน อุตสาหกรรม
แต่ก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักประเภทของสายเคเบิ้ลต่างๆ เราไปทำความรู้จักสายไฟที่เราใช้กันตามบ้านทุกวันกันก่อนว่า มีกี่ประเภท และแต่ละประเภทมันมีความแตกต่างในการใช้งานอย่างไรบ้าง
สายไฟมีทั้งหมดกี่ประเภท?
สายไฟจริงๆ มีทั้งหมด 2 ประเภทใหญ่ คือ สายไฟแรงดันต่ำและสายไฟแรงดันสูง โดยสามารถดูรายละเอียดและความแตกต่างได้ดังต่อไปนี้
- สายไฟแรงดันต่ำ - เป็นสายไฟที่ใช้สำหรับแรงดันไฟฟ้าไม่เกิน 750 โวทล์ และสายไฟนั้นต้องทำด้วยทองแดงหรืออลูมิเนียม ซึ่งที่พบเห็นโดยทั่วไปมักจะทำมาจากสายทองแดง สายไฟแรงดันต่ำจะมีขนาดเล็กเป็นสายตัวนำเดี่ยว และสายขนาดใหญ่ที่จะเป็นตัวนำตีเกลียว สำหรับฉนวนการใช้งานจะเป็น PVC และ XLPE
ชนิดของสายไฟแรงดันต่ำ
- สายไฟชนิด THW - เป็นสายไฟสำหรับแรงดันต่ำที่รองรับแรงดันได้ไม่เกิน 750 โวทล์ เป็นสายเดี่ยว มีการใช้งานอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะในโรงงานอุตสาหกรรม เพราะสามารถนำไปใช้ในวงจรไฟฟ้า 3 เฟสได้ แต่สายไฟชนิดนี้จะไม่เหมาะกับการติดตั้งแบบฝังดิน และหากติดตั้งแบบเดินลอยจำเป็นต้องยึดสายไว้ด้วย isulator
- สายไฟชนิด VAF - เป็นสายไฟแรงดันต่ำที่สามารถทนแรงดันได้ 300 โวทล์ มีทั้งชนิดเดี่ยวและคู่ และแบบสามสายที่รวมกับสายดินด้วย โดยแต่ละสายจะมีฉนวนหุ้ม และมีเปลือกหุ้มที่เป็นฉวนนอีกทีอยู่ที่ด้านนอก สายไฟชนิดนี้เหมาะกับการใช้งานในบ้านเรือนทั่วไป ข้อควรระวังคือ สายไฟชนิดนี้ไม่สามารถติดตั้งแบบ 3 เฟสได้ เพราะมันไม่สามารถรองรับแรงดันที่ 380 โวทล์ได้ เว้นแต่ว่าจะติดตั้งแบบแยกเป็น 1 เฟส และใช้แรงดัน 220 โวลท์แทน
- สายไฟ VCT - เป็นสายไฟชนิดแรงดันต่ำ สามารถทนแรงดันไดถึง 750 โวทล์ ตัวสายจะมีลักษณะกลมและมีทั้งแบบชนิดตั้งแต่ 1 แกนไปจนถึง 4 แกน จุดเด่นของสายชนิดนี้อยู่ตรงที่เป็นสายที่ประกอบไปด้วยสายทองแดงฝอยเส้นเล็กๆ ทำให้สายมีความอ่อนตัวและสามารถทนต่อการสั่นสะเทือนได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญมันสามารถต่อลงดินได้อีกด้วย
- สายไฟ NYY - เป็นสายไฟชนิดกลมที่สามารถทนแรงดันได้ถึง 750 โวทล์ โดยมีทั้งแบบแกนเดียว และหลายแกนิยมนำไปใช้เป็นอย่างมากเนื่องจากเป็ยสายที่มีเปลือกหุ้มอีกชั้น จึงสามารถป้องกันความเสียหายทางกายภาพได้ดี และสายชนิดนี้ยังเหมาะกับการฝังดินด้วย
- สายไฟแรงดันสูง - เป็นสายชนิดตีเกลียว มีขนาดใหญ่ โดยจะมีทั้งแบบเปลือบและแบบหุ้มฉนวน สายไฟชนิดนี้รับแรงดันได้ตั้งแต่ 1K -36KV
- ชนิดของสายไฟแรงดันสูง
- สายไฟอลูมิเนียมตีเกลียว (เปลือย หรือ AAC) - สายนี้ใช้ตัวนำที่เป็นอลูมิเนียมพันตีเกลียวเป็นชั้นๆ โดยสายชนิดนี้รองรับแรงดันต่ำได้ จึงไม่สามารถขึงสายให้กับเสาที่มีระยะห่างมากๆ ได้ โดยทั่วๆ ไปแล้วจะไม่เกิน 50 เมตร เว้นแต่สายที่มีขนาด 95 มิลลิเมตรขึ้นไปที่อาจจะขึงได้ถึง 100 เมตร
- สายไฟฟ้าอลูมิเนียมชนิดผสม (AAAC) - สายชนิดนี้ผสมวัสดุที่เป็นตัวนำไว้หลายชนิด เช่น อลูมิเนียม แมกนีเซียม ซิลิกอน สายชนิดนี้จึงมีความเหนียวและรับแรงดันได้สูงกว่า ทนต่อการกัดกร่อนของเกลือ จึงเหมาะกับการติดตั้งหรือเดินสายบริเวณชายหาด
- สายไฟฟ้าอลูมิเนียมแกนเหล็ก (ACSR) - เป็ยสายที่ใช้ตัวน้ำเป็นอลูมิเนียมตีเกลียว มีสายเหล็กอยู่ตรงกลาง ทำให้สามารถรับแรงดึงได้สูงมากขึ้นสิ่งนี้เองทำให้สามารถขยายระยะทางระหว่างเสาในการขึงได้มากขึ้น และสายชนิดนี้ไม่เหมาะกับการนำไปใช้ริมทะเลเพราะไม่ทนต่อการกัดกร่อนของเกลือ
- สาย Partial Insulated Cable (PIC) - ส่วนใหญ่นิยมนำสายชนิดนี้มาทำเป็นสายเปลือย เพราะสายเปลือยจริงๆ มีโอกาสเสี่ยงไฟฟ้าลัดวงจรได้ง่าย โดยที่สายชนิดนี้จะประกอบไปด้วยตัวนำอลูมิเนียมตีเกลียว แล้วหุ้มด้วยฉนวน XLPE แต่ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าฉนวนนี้เพื่อป้องกันการลัดวงจรเท่านั้น ไม่ควรนำมือไปจับโดยตรงเด็ดขาด
- สาย Space Aerial Cable (SAC) - เป็นอลูมิเนียมตีเกลียและนำมาหุ้มด้วยฉนวน XLPE เหมือนกับสาย PIC แต่เปลือกหุ้มอีกชั้นจะมีความทนทานมากกว่า เช่นเดียวกันสายชนิดนี้ไม่ควรใช้มือสัมผัสโดยตรง
- สาย Preassembiy Aerial Cable (PAC) - เป็นสาย Fully Insulated ที่มีโครงสร้างใกล้เคียงกับสายไฟชนิด XLPE ที่มีตัวนำเป็นอลูมิเนียม แข็งแรง ทนทาน และสามารถวางใกล้ๆ กันได้
สาย Cable คืออะไร
สายเคเบิล คือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่งที่ใช้สำหรับรับและส่งสัญญาณจากต้นทางไปที่ปลายทาง ในสายเคเบิลจะมีอลูมิเนียมหรือทองแดงอยู่ด้านใน ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการนำไฟฟ้าและรับส่งสัญญาณ ภายนอกจะหุ้มด้วยฉนวนนำไฟฟ้าเพื่อป้องกันความร้อน และยังช่วยให้การใช้งานสะดวกในทุกๆ สภาพอากาศและสภาพแวดล้อม
สายไฟกับสายเคเบิ้ลเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร?
แม้สายไฟและสายเคเบิ้ลจะมีหน้าที่คล้ายกันในด้านการส่งพลังงานหรือข้อมูล แต่ก็มีความแตกต่างสำคัญ ดังนี
- สายไฟ (Electrical Wire)
- มักเป็นสายที่มีแกนเดียวหรือหลายแกน
- ไม่มีการป้องกันสัญญาณรบกวน (Shielding)
- เหมาะกับการใช้งานที่ไม่ซับซ้อน เช่น ระบบไฟฟ้าภายในบ้าน
- สายเคเบิ้ล (Cable)
- ประกอบด้วยสายไฟหลายเส้นที่ถูกหุ้มรวมกันในปลอกเดียว
- มีการป้องกันสัญญาณรบกวนและความเสียหายจากสภาพแวดล้อม
- เหมาะสำหรับการใช้งานที่ซับซ้อน เช่น การส่งข้อมูลหรือการควบคุมในโรงงานอุตสาหกรรม
สาย Cable มีทั้งหมดกี่ประเภท
สายเคเบิลมีทั้งหมด 5 ประเภท ดังต่อไปนี้
- Flat Cables - เป็นสายเคเบิลที่ด้านในประกอบไปด้วยลวดทองแดง และหุ้มฉนวนกันความร้อนด้วย PVC ทนต่อความร้อน ความชื้น สารเคมี รวมไปถึงเชื้อราได้ โดยจุดเด่นของสายประเภทนี้คือ เป็นสายที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถหมุนและบิดงอได้อย่างอิสระ ง่ายต่อการติดตั้งและรื้อถอน เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่แคบหรือพื้นที่จำกัด
- Communication Cable - เป็นสายที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการรับและส่งข้อมูล มีคุณสมบัติ เด่นตรงที่มาพร้อมกับระบบป้องกันสัญญาณรบกวนและตอบโจทย์การใช้งานร่วมกับอุปกรณ์สื่อสาร รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ
- Coiled Cords - เป็นสายที่มีลักษณะของอ คล้ายสปริง โดยมีแกนกลางที่ทำมาจากลวดทองแดง หุ้มด้วยฉนวนกันความร้อน PVC PP PE PU PUR TPU และ PA และอลูมิเนียม มันจึงมีความแข็งแรง ทนทาน ยืดหยุ่นสูง ใช้ได้ในทุกสภาพแวดล้อมโดยที่ไม่ฉีกหรือขาดง่าย และยังสามารถยืดขยายสายได้ตามความต้องการอีกด้วย
- Control Cable - เป็นสายที่เหมาะสำหรับการรับ-ส่งข้อมูลในระบบงานอัตโนมัติ เช่น ระบบควบคุมการผลิตในโรงงาน สายเคเบิลอุตสาหกรรมชนิดนี้มีความแข็งแรงและทนทานสูง สามารถป้งอกันสัญญาณรบกวน ป้องกันไฟฟ้าสถิต และยังใช้งานได้ในทุกสภาพแวดล้อม ทั้งใต้ดิน ใต้น้ำ และภายในท่อใต้อาคารหรือตึก
- Emergence Alarm Cables - เป็นสายเคเบิลที่หุ้มด้วยฉนวนกันความร้อนหรือ PVC ที่มีคุณสมบัตเด่นในด้านทนต่อการเกิดไฟ และป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่วได้เป็นอย่างดี มักนิยมนำสายชนิดนี้ไปใช้กับระบบควบคุมอุปกรณ์ดับเพลิงภายในอาคารและสถานที่ต่างๆ
สาย Control Cable แต่ละประเภทเหมาะกับการใช้งานด้านใดบ้าง?
สาย Control Cable เป็นสายที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการควบคุมและสั่งงานอุปกรณ์ในระบบต่างๆ โดยสามารถแบ่งประเภทและการใช้งานได้ ดังนี้
ประเภทของสาย Control Cable
|
ประเภทของการนำไปใช้งานที่เหมาะสม
|
สาย Control Cable แบบไม่มีชีลด์ (Unshielded Control Cable)
|
เหมาะสำหรับงานทั่วไปที่ไม่มีสัญญาณรบกวน หรือสามารถนำไปใช้ในระบบควบคุมมอเตอร์หรือเครื่องจักรที่อยู่ในสภาพแวดล้อมปลอดภัย
|
สาย Control Cable แบบมีชีลด์ (Shielded Control Cable)
|
เหมาะสำหรับงานที่มีการรบกวนของสัญญาณไฟฟ้าหรือแม่เหล็กไฟฟ้า โดยเหมาะกับการนำไปใช้ในระบบควบคุมที่ต้องการความแม่นยำ เช่น เครื่องจักร CNC หรือระบบอัตโนมัติ
|
สาย Control Cable แบบทนอุณหภูมิสูง (High-Temperature Control Cable)
|
เหมาะสำหรับการใช้งานในโรงงานที่มีความร้อนสูง เช่น โรงหลอมโลหะ
|
สาย Control Cable แบบกันน้ำและน้ำมัน (Waterproof and Oil-Resistant Control Cable)
|
เหมาะสำหรับโรงงานที่มีความชื้นสูงหรือมีการใช้น้ำมัน เช่น โรงงานอาหารหรือปิโตรเคมี
|
สาย Control Cable แบบอ่อน (Flexible Control Cable)
|
เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความยืดหยุ่น เช่น ระบบแขนกลหรือเครื่องจักรที่มีการเคลื่อนที่
|
สาย Control Cable มีคุณสมบัติอย่างไร?
เนื่องจากสายคอลโทรลนั้นมีหลายชนิด ทำให้จะมีคุณสมบัติต่างกันออกไป แต่คุณสมบัติหลักจะมีดังนี้
- มีความยืดหยุ่น - สาย Control Cable มีความยืดหยุ่นสูง ช่วยให้ง่ายต่อการติดตั้งและปรับเปลี่ยนตำแหน่งตามความต้องการในระบบคอนโทรลต่าง ๆ
- มีความทนต่ออุณหภูมิ - สาย Control Cable มีความทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิสูงหรือต่ำ รวมถึงมีความทนทานต่อสภาวะอื่น ๆ ด้วย เช่น ความชื้น การสั่นสะเทือน หรือสารเคมีที่อาจมีอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ใช้งาน
- มีความปลอดภัย สาย Control Cable มีการออกแบบมาให้มีความปลอดภัยสูง เช่น การป้องกันการช็อตวงจร การป้องกันไฟฟ้ารั่ว เพื่อให้มีความปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน ลดความเสียหายที่เอาจเกิดขึ้นได้
วิธีเลือกControl Cableให้เหมาะกับการใช้งาน
- เลือกตามประเภทการใช้งาน
สายControl Cableแต่ละประเภทเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน การเลือกสายที่เหมาะกับงาน จะช่วยให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพและปลอดภัย
- เลือกจากขนาดและแรงดันไฟฟ้า
ก่อนการตัดสินใจเลือกซื้อสายControl Cableควรอ่านฉลากบนสายไฟอย่างละเอียด ดูที่ข้อความที่ระบถุถึงแรงดันไฟฟ้า และอย่าลืมว่าต้องเลือกขนาดสายให้เหมาะสมกับการนำไปติดตั้งด้วย
- เลือกสาย Control Cable ให้เหมาะกับสภาพแวดล้อม
โดยดูจากอุณหภูมิ ความชื้น บริเวณที่ต้องการติดตั้ง เพราะมันมีผลต่อการใช้งานของสายไฟ และควรเลือกสาย Control Cable ที่ทนต่อสภาพแวดล้อมบริเวณนั้น
- เลือกControl Cableที่ได้มาตรฐาน
ควรเลือกซื้อสายControl Cableจากตัวแทนจำหน่าย บริษัท หรือร้านค้าที่ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับ เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะได้สาย Control Cable ที่มีคุณภาพ และสามารถใช้งานไปได้ยาวนาน
สำหรับเพื่อนผู้อ่านที่ต้องการคำแนะนำก่อนการตัดสินใจเลือกซื้อสาย Control Cable สามารถมาปรึกษากับเราได้ที่ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ด้วยประสบการณ์ในการทำงานมากว่า 35 ปี จนได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั้่งภาครัฐและเอกชน โดยเรามีทีมวิศกรที่แข็งแรงในการวางระบบต่างๆ และเรายังมีสินค้าและบริการอีกมากมาย อาทิ สาย CCTV สาย LAN สายไฟเบอร์ สาย Control Cable Solar Cable Network System ฯลฯ
ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น
สำนักงานใหญ่ เลขที่ 48 อาคารอินเตอร์ลิ้งค์ ซอยรุ่งเรือง ถนนรัชดาภิเษก
แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310
Website : https://interlink.co.th/home/home
Facebook: interlinkfan
Line: @interlinkfan
Tiktok: @interlink_official
YouTube: link channel