21/05/2024
กำไรล้น ! บมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น หรือ ILINK เผยตัวเลขผลประกอบการจากจุดเริ่มต้นของไตรมาสแรกแห่งปี 2567 โตเร็ว โตแรง โตทุกธุรกิจ กอบโกยรายได้รวม 1,832.75 ล้านบาท พร้อมทำกำไรถึง 59.72% ปลื้มปริ่มโตกว่าปีที่แล้วเหนือความคาดหมาย
คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ หรือ ILINK ร่วมให้ข้อมูลสรุปผลประกอบการไตรมาส 1/67 พบนักลงทุนในงาน “Opportunity Day” จัดโดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ กล่าวถึงภาพรวม และผลการดำเนินงานทั้ง 3 ธุรกิจที่โด่ดเด่น ฉายแววส่งสัญญาณอันดีตั้งแต่ไตรมาส 1/67 “โดยที่กลุ่มธุรกิจในเครือของ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ มีธุรกิจในเครือ อันได้แก่ ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ ธุรกิจวิศวกรรมโครงการ และธุรกิจโทรคมนาคมและดาต้าเซ็นเตอร์ นับเป็นการสะท้อนภาพความก้าวหน้าสู่ความสำเร็จ จากความชำนาญของแต่ละธุรกิจ ส่งผลให้มีรายได้รวมในไตรมาสแรกนี้ อยู่ที่ 1,832.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 197.69 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 12.09% ในขณะที่กำไรสุทธิโตแรงเท่ากับ 252.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 94.41 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 59.72% ทะลุเป้าหมายทั้งรายได้ และกำไรสุทธิ โดยสามารถทำอัตรากำไรสุทธิสูงกว่าอดีตที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลเกิดจากการปรับกลยุทธ์ของทั้ง 3 ธุรกิจหลัก ตามยุทธศาสาตร์ที่ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้น และต้องลดค่าใช้จ่ายที่เป็นการสูญเสีย เพื่อให้ทุกธุรกิจดำเนินงาน และขับเคลื่อนไปตามแบบแผน ก้าวทำรายได้ พร้อมกอบโกยขานรับกำไรต่อเนื่องได้อย่างเติบโตแบบมีคุณภาพ”
-
สำหรับรายได้รวมในไตรมาส 1/67 ของธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ (Cabling Distribution Business) โดยตลอดระยะเวลากว่า 37 ปี มีผลการดำเนินงานทั้งรายได้ และทำกำไรเติบโตอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง ซึ่งในไตรมาสนี้ ทำรายได้รวม 865.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80.00 ล้านบาท หรือ 10.18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมกับทำกำไรรับการเติบโตรวม 90.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.06 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 7.16% และยังสามารถคงอัตรากำไรสุทธิได้มากกว่า 10% ตามเป้าหมาย
ในขณะที่ธุรกิจวิศวกรรมโครงการ (Turnkey Engineering Business) ทำรายได้เพิ่มพูนจากความเชี่ยวชาญ และการมีประสบการณ์ ซึ่งดำเนินงานโดย บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เพาเวอร์ แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด โดยเน้นงานประมูลหลักจากโครงการภาครัฐที่ต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูง ส่งผลทำรายได้รวมจากการทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 179.83 ล้านบาท มีกำไรรวม 25.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกของปี 2566 ที่มีกำไรรวมของกลุ่มธุรกิจนี้อยู่ที่ 16.98 ล้านบาท โดยในไตรมาสแรกนี้ทำกำไรเพิ่ม 9.00 ล้านบาท หรือ โตแรงถึง 53.04%
ด้านธุรกิจโทรคมนาคมและดาต้าเซ็นเตอร์ (Telecom & Data Center Business) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติก ที่มีความเสถียรภาพสูงสุดทั่วประเทศไทย หรือ ITEL เปิดงบการเงินไตรมาส 1/67 กวาดรายได้ 788 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และกำไรสุทธิ 123 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 113% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
“จากความสำเร็จในไตรมาสแรกของปีนี้ สามารถทำกำไรพุ่งแรงมาเหนือที่คาดการณ์เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งนับเป็นผลของการดำเนินงาน และความสามารถ จากความเชี่ยวชาญของทุกกลุ่มธุรกิจ ทำให้มีแนวโน้มผลงานเป็นเชิงบวก ทั้งทิศทาง และองค์ประกอบต่าง ๆ ที่เป็นปัจจัยหลักสำคัญอันเสริมให้เติบโตได้อย่างประสบความสำเร็จเด่นชัด รวมถึงยังคงมุ่งมั่นเดินหน้า พัฒนา ทั้งในด้านศักยภาพ และการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งสืบเนื่องต่อไป เพื่อสอดรับกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีแห่งยุคสมัยที่มีการขยายตัวอย่างไม่หยุดยั้ง ร่วมกับตอบสนองความต้องการของตลาดทั้งในปัจจุบัน และอนาคตอีกด้วย ตลอดจนยังคงตอกย้ำถึงจุดยืนด้านคุณภาพ เพื่อรักษามาตรฐานการดำเนินงานให้เป็นไปตามแบบแผน นำสู่การสร้างยอดขาย กอบโกยทำรายได้เพิ่มแตะถึงเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ในทุกไตรมาส พร้อมรับทำกำไรสุทธิได้อย่างเติบโต ต่อเนื่อง และยั่งยืน แบบมีคุณภาพตามแผนกลยุทธ์
สำหรับความกังวลของนักลงทุนที่ทองแดงซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สำคัญของสายทองแดงมีการปรับตัว เพิ่มขึ้นอย่างมากนั้น บริษัทฯ ขอเรียนว่าในปี 2567 นี้ ทิศทางของการเติบโตในธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณ มีปัจจัยหลักที่ส่งเสริมการเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้น 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1.การปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป (Technological Advancement) 2.นโยบายส่งเสริมให้ใช้พลังงานแสงแดดของรัฐบาล (Solar Energy Policy) 3.การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ และเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์ใหม่ (New Product Launches) บริษัทฯ มั่นใจว่าจะยังสามารถสร้างการเติบโตให้ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณได้ตามแนวทางที่ตั้งเป้าหมายไว้ ส่วนเรื่องของการปรับเพิ่มขึ้นของต้นทุนทองแดงในเวลานี้นั้น บริษัทฯ ได้เคยเผชิญปัญหานี้มาแล้ว และได้เตรียมวิธีการบริหารจัดการเรื่องของราคาขาย เพื่อทำให้อัตรากำไรยังคงไม่น้อยกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ และการบริหารต้นทุน ภายใต้ความร่วมมือของผู้ผลิต บริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถเติบโตได้ตามที่ได้ตั้งเป้าหมาย และมั่นใจว่าจะสามารถใช้ความเป็นผู้นำในตลาดสายสัญญาน เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตต่อเนื่องได้อย่างแน่นอน” คุณสมบัติฯ กล่าวเสริมตอนท้าย